ขายอะไรดี?? 5 ไอเดียแก้ปัญหาโลกแตก


Blog Detail

ขายอะไรดี?
ขายอะไรแล้วขายง่าย?
ขายอะไรแล้วกำไรดี?
หรือฉันเหมาะกับธุรกิจบริการหว่า?


ซึ่งเอาเข้าจริง ๆ มันก็ไม่ได้มีคำตอบตายตัว
ว่าปีนี้ต้องขายอะไร แต่คำถามที่น่าใจกว่าก็คือ
ถ้ามีธุรกิจสักตัวที่เราจะทำได้ดีในอีก 2-3 ปี 
เป็นอย่างต่ำ แล้วมันคือธุรกิจอะไรล่ะ?


ซึ่งสุดท้ายใครจะเลือกขายอะไรมันขึ้นอยู่กับ "ความถนัด"
"ข้อได้เปรียบ" และ "ความอิน"ของคน ๆ นั้นพอสมควรเลยครับ
แต่ผมเชื่อว่า "โอกาสทำกำไร นั้นเริ่มต้นจากการมองกว้าง
แล้วโฉบเข้าไปหาโอกาสที่น่าสนใจที่สุด"


วันนี้เลยเอามาให้เป็นไอเดีย 5 ข้อคิด
แก้ไขข้อข้องใจให้กับหลาย ๆ คน
ที่ยังมึน ๆ งง ๆ กันอยู่ครับ




1 ) ขายพลั่ว

เรื่องเล่าจากยุคตื่นทองนั้นใช้ได้ดีเสมอ
เมื่อไหร่ที่คนแห่กันไปขุดทอง
คนที่ขายพลั่วคือคนที่กินรวบและกินง่าย

พลั่วในที่นี่หมายถึงส่วนประกอบทุกอย่าง
ที่ทำให้การขุดทองประสบความสำเร็จ
ในประเทศไทยคนส่วนใหญ่กำลังขุดทอง
ในตลาดครีม เครื่องสำอาง อาหารเสริม

ดังนั้นเราสามารถขายพลั่วแบบไหนได้บ้าง
ส่วนประกอบแต่ละส่วนของสินค้า
สารประกอบสำคัญ
สติกเกอร์แปะเพื่อจุดประสงค์ต่าง ๆ 
แพคเกจจิ้งใน และนอก (พวกกล่อง)
Thank you cards สำหรับลูกค้า end users
เสื้อทีมงาน อะไรก็ว่ากันไปครับ

คือไอเดียมันเยอะจริง ๆ ครับ 
เพราะ SME เนี่ยโตเบ่งบานขึ้นเรื่อย ๆ 
คนทำงานก็เริ่มกระจายตัว
ไปเป็นเจ้าของธุรกิจ หรือทีมงานของ SME 

และผมเชื่อเสมอว่า 
การทำอะไรตอบโจทย์คล้องไปกับเทรนด์ที่กำลังโต 
มักมีอนาคตสดใสเสมอครับ


2 ) ขายบริการให้กับ "นักขุดทอง"

จากข้อที่แล้วสินค้าตัวไหนยิ่งมีคนสนใจ
ลงมาขายเยอะ

มันจะเกิดกลุ่มก้อนที่ชัดเจนของตลาด 
แทนที่จะจับลูกค้าที่ซื้อครีม 
เราก็ไปจับ "ลูกค้าที่ขายครีม" แทน

การช่วยเหลือบริการมีมากมายสารพัดจะอำนวยกัน
เอาตั้งแต่รับส่งของไปยังขนส่งต่าง ๆ 
รับลงโฆษณา
ดูแลตอบคำถามลูกค้า
รับจ้างถ่ายภาพสินค้า | นางแบบ

จากการสัมผัสเหล่า SME มามากระดับนึง
ผมบอกได้เลยว่า "ผู้ช่วย" ในด้านต่าง ๆ 
ยังเป็นที่ต้องการมหาศาลครับ


3 ) ขายสินค้า | บริการใหม่

อันนี้เหมาะกับคนหูตาไว 
(และคนหัวไว)
เพราะว่าสินค้าที่ยังไม่เคยมีใครทำตลาด
นั้นมีอยู่เสมอ และมันมักจะเป็นที่ต้องการเสมอ
อย่างน้อยก็ช่วงแรก 
(จำเฟอร์บี้กับตุ๊กตาลูกเทพได้ไหมครับ)

และก่อนอื่นเราต้องเชื่อว่ามันมีด้วย
ซึ่งถ้าเราได้นั่งขบคิดลองสร้างแบรนด์ขึ้นมา
ยังมีไอเดียอีกมากที่เราจะเอามาเล่น
จากธุรกิจแบบเดิม ๆ มาเป็นธุรกิจใหม่ได้


ยกตัวอย่างเช่น 
มีลูกศิษย์ท่านนึงอยากทำ BBQ แบบ Delivery
จัดส่ง BBQ ให้ลูกค้าไปย่างทานกันเอง 
ประเด็นก็คือ มันยังไม่แปลก มันยังเดิม ๆ 
แค่บอกว่า "อร่อย" ผมคิดว่ามันยังไม่เพียงพอ
สำหรับนักการตลาด สำหรับสิ่งที่เราจะสื่อสารออกไปให้ปัง

ดังนั้นผมจึงแนะนำว่า ให้ทำเป็น BBQ STEAK แทน
เอาอกไก่ทั้งชิ้น หรือสันนอกหมูเสียบเข้าไปในไม้
ขายไปเลยไม้ละ 300 แต่แบบเนื้ออย่างเยอะ
ส่งไปหาลูกค้าคนไหน คนนั้นต้องอดใจถ่ายรูปไม่ได้


เห็นไหมครับ แค่ "บิดไอเดีย" เล็ก ๆ น้อย
เราก็สามารถสร้างสินค้าใหม่
จากสินค้าเดิมที่มีอยู่แล้ว ซึ่งมันจะช่วยเรียกแขก
เรียกลูกค้าได้มากระดับนึงเชียวละ

ดังนั้นข้อสรุปของข้อนี้คือ
"พยายามคิดให้มันใหม่ แล้วมันจะขายง่าย"


 
4 ) ขายสินค้า | บริการเจาะเป็น Area

ผมชื่นชอบการเจาะจงตลาดแบบชัด ๆ 
ชัดแค่ไหนนะหรอ ?
ก็เอาเป็นว่า สามารถเลือกได้เลยว่า
บนใบหน้าเราจะครองตรงไหน
-คิ้ว
-ริมฝีปาก
-ช่องปาก
-จมูก
-รูจมูก
-ร่องแก้ม
-แก้ม 2 ข้าง
-หน้าผาก
-คาง

ทุกบรรทัดที่พูดมาเป็น "ตลาด" ได้หมด
การยึดพื้นที่ใดพื้นที่นึง
ทำให้การจดจำเกิดขึ้นง่าย 
(brand ก็จะติดง่ายตามไปด้วย)
ซึ่งผมไม่ได้บอกให้โฟกัสที่สินค้าตัวเดียว
แต่โฟกัส "บริเวณ" ที่ลูกค้าพร้อมจะมีปัญหา

ถ้ามีลูกศิษย์บอกว่าขายครีมผิวขาว
ตัวนี้ใช้ดีมากอยากให้ลอง
ผมก็จะบอกว่า ไม่รู้จะเอาตรงไหนทาให้แล้ว
เพราะที่บ้านมีเต็มไปหมด ทั้งซื้อเอง
ทั้งคนเอามาให้ลอง

ดังนั้นการโฟกัสบริเวณเป็นอีกวิธีนึง
ที่ง่ายต่อการยึดหัวหาด ซึ่งจะทำให้เราโฟกัสได้ดี
สร้าง "ร่ม" ของแบรนด์ได้อย่างชัดเจนครับ
 

5 ) ขายสินค้า | บริการ ที่เจาะปัญหาเฉพาะ

ผมยังวนอยู่กับ "ตลาดเฉพาะ" เหมือนข้อที่แล้ว
แต่รอบนี้จะให้วิธีคิดอีกแบบ
คือการจับปัญหาระดับ 2 

มันคือปัญหาที่พัฒนาขึ้นมาแล้ว
มันคือปัญหาที่ลึกเกินกว่าสินค้าทั่วไปจะแก้ไข
มันคือปัญหาที่คนกลุ่มเฉพาะต้องเจอ

ยกตัวอย่างเช่น 
ปัญหาการดูแลกระเป๋าราคาแพง
ทั้งเรื่องความปลอดภัย ความคงทนสวยงาม
Tips ก็คือของยิ่งแพง ยิ่งต้องจ่ายค่าดูแลเท่านั้น
และมันคือธุรกิจที่ดีมากครับ

-ปัญหาหน้าพังเพราะติดสเตียรอยด์
จากการแก้ไขปัญหาหน้าด้วยสินค้าหรือวิธีการถูก ๆ 
นำมาซึ่งความเลยเถิด และการจ่ายราคาแพง
เพื่อแก้ปัญหาที่มันใหญ่กว่าตอนเริ่มต้นเสมอครับ

-ปัญหาหุ่นพังเพราะ yoyo effect
ผมบอกได้เลยว่า คนที่เริ่มลดน้ำหนัก
กับคนที่ลดน้ำหนักมาสารพัดวิธีแล้ว
เป็นคนละตลาดอย่างชัดเจนครับ

-ปัญหาการเปลี่ยนสายงาน
สำหรับคนอยากเริ่มต้นชีวิตใหม่
เรียนผิดสาย เรียนแล้วไม่ชอบ

-ปัญหาหน้าแพ้ skin care ทุกชนิด 
มีบุคคลที่หน้าบอบบางระดับแพ้สินค้า counter brand
แพ้สินค้าที่บอกว่า แพ๊งแพง ดี๊ดี 
เป็นกลุ่มเฉพาะที่น่าสนใจอีกกลุ่มครับ

ข้อสรุปของข้อนี้คือพยายามหาช่องว่าง
พยายามคุยเพื่อดึงตะกอนปัญหาขึ้นมา
การเลือกโจทย์ที่ถูกต้อง 
แม้มันจะเหมือนเป็นโจทย์เล็ก ๆ 
แต่อาจจะมีมูลค่า "มหาศาล" สำหรับเราเลยล่ะครับ